ถาม-ตอบเรื่องโรคฝีดาษลิง

  • ฝีดาษลิง เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Orthopoxvirus ที่ทำให้เกิดโรคไข้ทรพิษ หรือโรคฝีดาษ คนที่ติดเชื้อฝีดาษลิงมักมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ติดต่อทีมงาน igoal และตุ่มแดงที่ผิวหนังทั่วร่างกาย โรคนี้พบครั้งแรกในสัตว์ตระกูลลิงที่ใช้เป็นสัตว์ทดลอง และอาจพบในสัตว์อื่นด้วย เช่น กระรอก หนู และแพรี่ด็อก ก่อนจะเริ่มมีการติดเชื้อในคน การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงพบในหลายพื้นที่ของแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ตามด้วยพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกา ประเทศแถบยุโรป และหลายพื้นที่มากขึ้น ทั้งจากคนที่เดินทางกลับจากแอฟริกา และคนที่ไม่มีประวัติไปแอฟริกามาก่อน

     

    1. ฝีดาษลิงแพร่กระจายอย่างไร

    ฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายจากสัตว์จำพวกหนูและสัตว์ฟันแทะสู่คน โดยการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่ง การถูกสัตว์ติดเชื้อกัดหรือข่วน การกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก หรือติดทางอ้อมจากการสัมผัสที่นอนของสัตว์ป่วยขณะเดียวกันยังสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้โดยการสัมผัสเลือด หนอง ตุ่มที่ผิวหนัง น้ำลาย แผลในปาก และการหายใจเอาสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ที่สิ่งของ อย่างผ้าปูที่นอนหรือเสื้อผ้าผู้ติดเชื้อปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝีดาษลิงสามารถแพร่กระจายผ่านน้ำอสุจิหรือของเหลวในช่องคลอดได้หรือไม่ แต่การสัมผัสใกล้ชิดขณะมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ติดเชื้อได้ นอกจากนี้ ไวรัสยังสามารถแพร่กระจายจากแม่ไปยังทารกในครรภ์ผ่านทางรก หรือจากพ่อแม่ไปยังทารกหลังคลอดจากการสัมผัส

     

    1. อาการของฝีดาษลิงเป็นอย่างไร

    ไวรัสฝีดาษลิงมีระยะฟักตัวประมาณ 7–14 วัน หรืออาจนานถึง 21 วันกว่าจะแสดงอาการ ระยะแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต หลังจากมีไข้ได้ 1–3 วันจะพบผื่นแดงตามร่างกาย โดยพบมากบริเวณใบหน้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า บางคนอาจมีผื่นขึ้นที่ปาก ดวงตา หน้าอก ช่องคลอด คาสิโน igoal และทวารหนัก ลักษณะของผื่นอาจเป็นผื่นราบ (Macule) หรือตุ่มนูนที่มีหนองด้านในที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด จากนั้นจะตุ่มหนองจะแตกออก และแห้งเป็นสะเก็ด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีอาการแตกต่างกัน บางคนอาจมีผื่นก่อนแล้วเกิดอาการอื่นตามมา หรือเกิดผื่นตามร่างกายอย่างเดียวโดยไม่มีอาการอื่น ๆ โดยในช่วงที่มีตุ่มน้ำตามตัวจะเป็นช่วงที่ผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วและง่ายที่สุด

     

    1. ฝีดาษลิงอันตรายไหม รักษาได้หรือไม่

    อาการของฝีดาษลิงมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่เด็กแรกเกิด เด็กเล็ก และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรงหลังติดเชื้อฝีดาษลิง และเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคไข้สมองอักเสบ (Encephalitis) ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) และโรคปอดบวมร่วมกับหลอดลมอักเสบ (Bronchopneumonia) ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ฝีดาษลิงมักหายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา และปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจง ในเบื้องต้นอาจทำแผลเพื่อให้ผื่นที่ผิวหนังให้แห้งและหายได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสบาดแผลในปากหรือบริเวณดวงตา และรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ติดตามอาการเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ใช้ยาปฏิชีวนะและยาต้านไวรัสในคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอที่อาจเกิดอาการรุนแรง